top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนสมองไหล

จาก Burbn สู่ Instagram





- หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าเเต่เดิมเเอพพลิเคชั่น Instagram เคยมีชื่อว่า Burbn ซึ่งเป็นเเอพฯที่ให้ผู้คนสามารถเช็คอินเข้าสถานที่ต่างๆ วางเเผนวัน จัดตารางงาน เเละเก็บเเต้มสะสมจากการพบปะเพื่อนเเละโพสต์รูปได้

.

- เเล้วทำไมถึงได้กลายมาเป็น Instagram ได้ล่ะ เดี๋ยว สมองไหล จะเล่าให้ฟัง


 

- Burbn ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยถูกพัฒนาขึ้นจากสองคู่หู เควิน ซิสตรอม เเละไมค์ ครีเกอร์ เเต่ Burbn กลับไม่ได้รับความนิยมเอาซะเลย

.

- เนื่องจากผู้ใช้บอกว่ามันมีหลายฟังก์ชันมากไป เเละฟังก์ชันเหล่านั้นเเอพฯอื่นๆก็มีอยู่เเล้ว ทำให้ Burbn ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก

.

- ในขณะที่ทุกอย่างทำท่าเหมือนจะล้มเหลวไม่เป็นท่า เเต่เควินเเละไมค์ก็สังเกตเห็นว่าผู้ใช้ Burbn นั้นมีพฤติกรรมในการโพสรูปมากที่สุด โดยไม่สนใจฟังก์ชันอื่นๆที่เขาทำขึ้นมาเลย .

- พวกเขาจึงตั้งใจว่าจะรื้อทุกอย่างของ Burbn ทิ้งทั้งหมด เพื่อสร้างเเอพพลิเคชั่นใหม่ที่มุ่งไปที่การโพสต์รูปเพียงอย่างเดียว

.

- โดย เควิน บอกว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ "หินที่สุดในชีวิต" เพราะมันคือการที่เขาต้องกลับมาเริ่มใหม่ทั้งหมด

.

- หลังจากที่ลงมือสร้างเเอพพลิเคชั่นใหม่อีกครั้งในปี 2010 โดยคราวนี้เปลี่ยนชื่อมันว่า "Instagram" ซึ่งให้ดาวน์โหลดบน IOS เท่านั้น

.

- หลังจากนั้นไม่นาน Instagram ก็โด่งดังไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ต่อมาในปี 2012 จึงเปิดให้ดาวน์โหลดบน Android0

.

- เเละในปีนั้นเองเฟซบุ๊กก็เข้ามาซื้อเเอพพลิเคชั่นนี้ โดยยอมจ่ายเงิน 1,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐหรือประมาน 33,000 ล้านบาท

.

ที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ตั้งเเต่เริ่มก่อตั้งจนสามารถขายลิขสิทธิ์ให้เฟซบุ๊กได้ Instagram ไม่เคยมีพนักงานในบริษัทเกิน 10 คนเลย โดยเพิ่งเปิดตัวได้เพียง 2 ปีเท่านั้น

.

- ที่สำคัญ Instagram ยังไม่มีรายได้เเม้เเต่บาทเดียว นับว่าเป็นบริษัทเล็กที่เขย่าวงการธุรกิจของโลกเลยก็ว่าได้

.

- เเต่นั้นก็ทำให้หลายคนต่างเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นกับ "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก" ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ซื้อบริษัทที่ยังไม่มีรายได้เเม้เเต่บาทเดียวได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

.

- จนถึงตอนนี้ Instagram โตขึ้นถึง 50 เท่า โดยมีมูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ "กำไรเห็นๆ"

.

- นั้นคงเป็นคำตอบเเล้วว่า ทำไม "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ค" ถึงยอมทุ่มเงินมหาศาลขนาดนั้น เพราะจนถึงตอนนี้เงิน 1,000 ล้านเหรียญที่เสียไปมันคงดูถูกไปเลย...


ที่มา : หนังสือสมองทองคำ

ดู 30 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page