top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนสมองไหล

จะเรียนทฤษฎีไปทำไม


เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมเราต้องมานั่งเรียนทฤษฎีหรือหลักการไปทำไมในเมื่อทุกวันนี้สิ่งที่ได้จากตำราเรียนเเทบจะนำไปใช้ในชีวิตจริงหรือที่ทำงานไม่ได้  การเรียนเเบบปฏิบัติมากกว่าที่ดูจะมีประโยชน์เเล้วนำไปใช้ได้จริงๆ


โดยส่วนตัวผมเองก็คิดว่าการเรียนเเบบปฏิบัติสำคัญก็จริง เเต่การรู้หลักการก่อนก็มีประโยชน์มากเหมือนกัน เเค่เราต้องเลือกว่าจะเอาหลักการไหนมาปรับใช้เท่านั้นเอง


เช่น เวลาคุณจะหัดขับรถการที่คุณเรียนทฤษฎีก่อนให้รู้ว่าตรงไหนคือเบรคตรงไหนก็คันเร่งตรงไหนไฟเลี้ยว ป้ายจราจรเเบบไหนควรปฏิบัติยังไง เวลาคุณลงไปขับจริงๆ คุณก็จะสามารถฝึกได้เร็วกว่าคนที่ไม่เรียนทฤษฎีมาก่อน เพราะคุณไม่ต้องมานั่งคลำหาวิธีเอง เผลอๆถ้าคุณไม่เรียนทฤษฎีมาก่อน คุณอาจจะเหยียบเบรคผิดไปเหยียบคันเร่งจนเกิดอุบัติเหตุก็ได้


ในการทำธุรกิจก็เช่นกัน ผมเองก็เรียนรู้ทฤษฎีการทำโมเดลธุรกิจก่อนจากกิจกรรมคายของมหาลัยเรียนรู้จากหนังสือเเละในขณะเดียวกันก็ไปเรียนรู้ระบบการทำงานของบริษัทอื่นๆไปด้วย เเล้วค่อยเลือกสิ่งที่เราคิดว่า "ใช่" มา "บูรณาการ" เป็นสไตล์ของตัวเองขึ้นมา


เพราะอย่างน้อยถ้าธุรกิจที่ผมทำมันล้มเหลว มันก็ล้มเหลวเเค่ในกระดาษ เวลาทำไปลงมือทำจริงๆผมก็จะทำได้เร็วกว่าสำเร็จเร็วกว่าเสี่ยงน้อยกว่า เพราะผมจะรู้เเล้วว่าอะไรที่ควรทำอะไรควรหลีกเลี่ยง


ถ้าเกิดล้มขึ้นมาก็จะลุกได้เร็วกว่าการไม่เรียนรู้หลักการอะไรเลยเเล้วไปลงมือทำธุรกิจเลย เวลาล้มเหลวขึ้นมามันอาจจะต้องเสียทั้งเงินทั้งเวลาเผลอๆอาจจะเจ็บหนักจนลุกไม่ไหวเลยก็ได้


ดังนั้นถึงเเม้สิ่งที่ผมเรียนมาตลอดหลายปีมันอาจจะนำมาใช้ได้ในชีวิตจริงเเค่ไม่กี่อย่าง เเต่ทุกๆอย่างก็สร้างสไตล์การทำงานของผมขึ้นมาวันนี้ ซึ่งมันทำให้ผมเเข็งเเกร่งเเละรับมือกับปัญหาหรือคู่เเข่งได้ดีที่สุด

ดู 870 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page